พระอานนท์ เป็น พระที่ทำงานหนักและไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย หน้าที่รับใช้พระพุทธเจ้าก็ทำได้อย่างดีไม่มีที่ติ ทั้งการถวายน้ำ ไม้ชำระฟัน นวดพระบาท พระหัตถ์ ปัดกวาดทำความสะอาดพระคันธกุฎี ปฏิบัติ ได้อย่างเยี่ยมยอดถึงขนาดรู้ว่าเวลานั้นเวลานี้พระพุทธเจ้าทรงต้องการอะไร อีกด้วย เมื่อเข้าเฝ้าเสร็จออกมาแทนที่จะกลับกุฏิที่พักทันทีก็อยู่ยามนอกพระ คันธกุฎี ทุกๆ คืนจะถือประทีปเดินรอบพระคันธกุฎีหลายรอบเพราะคิดว่าถ้าง่วงนอนหากพระ พุทธเจ้าตรัสเรียกใช้อะไรก็จะไม่สามารถขานรับได้ ฉะนั้นจึงไม่ยอมวางประทีปตลอดทั้งคืน คนที่ทำหน้าที่เลขานุการหรือผู้ทำหน้าที่รับใช้นายจะต้องศึกษาใจของนายว่าเป็นคนอย่างไร มีจริตนิสัยอย่างไร ชอบอะไร ต้องการอะไร ศึกษาวิธีการคิดของนาย ที่สำคัญต้องทำตัวให้พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่รับใช้นายได้ทุกสถานการณ์ เช่นกับพระอานนท์ที่ปฏิบัติต่อพระพุทธเจ้า นอก จากการปฏิบัติรับใช้พระพุทธเจ้าใกล้ชิดอย่างนี้แล้ว ในส่วนของการทำหน้าที่เป็นปัจฉาสมณะหรือเป็นพระติดตามพระพุทธเจ้าที่มากกว่า พระสาวกทั้งหลายนั้น ทำให้ท่านได้ศึกษาเรียนรู้พระจริยวัตร งาน วิธีการทรงงาน ของพระพุทธเจ้ามากมาย หลายครั้งท่านได้นำประสบการณ์ จากตรงนี้ไปใช้ในหลายๆ สถานการณ์ และหลายครั้งได้รับความไว้วางพระทัยจากพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน พระองค์ อย่างครั้งหนึ่งได้รับพุทธบัญชาให้เป็นหัวหน้าพระสงฆ์นำภิกษุไปฉลองศรัทธาของพระเจ้าปเสนทิโกศลในพระราชวังเป็นเวลา 3 เดือนทุกวัน แต่ ช่วงหนึ่งเกิดอาฟเตอร์ช็อก เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงลืมบุญราชกิจนี้ ไม่ได้เสด็จลงมาถวายภัตตาหารพระสงฆ์ติดต่อกันหลายวันจนทำให้พระทั้งหลาย ตัดสินใจไม่เข้าวังเพราะคิดว่ามาแล้วก็ไม้ได้ฉันเพราะองค์ราชันยังไงก็ทรง ลืมอีกตามเคย คงมาทุกวันแต่พระอานนท์เท่านั้น ครั้นพระเจ้า ปเสนทิโกศลทรงหวนระลึกได้จึงเสด็จลงเพื่อจะถวายภัตตาหารพระแต่ก็ไม่เห็นพระ ตามจำนวนที่ทรงนิมนต์ไว้แต่แรก เห็นแต่พระอานนท์รูปเดียว นี่ก็เป็นเพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าท่านทำได้และทำได้ดี เช่น เดียวกัน คนที่ทำหน้าที่เป็นเลขานุการจะต้องศึกษาเรียนรู้วิธีการทำงานของนาย วิธีการพูด การเจรจา การแก้ปัญหาและอะไรอื่นๆ จากนาย เพราะ เวลาที่นายสั่งให้ทำงานอะไรก็อาจจะต้องนำเอาความรู้จากตรงนั้นมาใช้ ซึ่งเลขานุการที่ดีจะต้องพยายามซึมซับเอาสิ่งที่ดีๆ จากนายมาใส่ไว้ในสมองของตนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพื่อการต่อยอดงาน เลขานุการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พระอานนท์ท่านจะเป็นมากกว่า เลขานุการ ทั้งนี้ จากการที่ท่านรับใช้พระพุทธเจ้าทุกวันๆ ก็ให้ท่านเกิดความรักความเคารพในพระพุทธเจ้า หลายครั้งที่ท่านแสดงความรู้สึกนั้นออกมา อย่างเมื่อครั้งพระ พุทธเจ้าเสด็จเมืองโกสัมพีพร้อมกับท่าน แล้วถูกพระนางมาคันทิยา พระมเหสี ของพระเจ้าอุเทน ที่เคียดแค้นพระพุทธองค์ ข้อหา ไม่รับรักเธอ แล้วผูกอาฆาตมาดร้ายเพื่อรอการแก้แค้น ครั้นพอได้เป็นใหญ่เป็นโต ขึ้นเป็นพระมเหสีของพระเจ้าอุเทนเข้าให้ ก็ได้ว่าจ้างพวกทาสกรรมกร มาด่า มาบริภาษ พระพุทธเจ้าชนิดที่ว่ากระหึ่มเมือง ไม่ว่าจะเสด็จไปตรอก ซอกซอยไหน ก็มีบรรดาม็อบจัดตั้งไปด่าสารพัดคำ จนทำให้พระอานนท์อดรนทนไม่ไหวต้องกราบทูลให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปเมืองอื่น การ แสดงออกทางด้านจิตหรือภายในนั้นก็เป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้ และการที่เลขานุการปฏิบัติต่อนายด้วยความรัก เคารพ และความห่วงใยไม่ใช่สิ่งที่เสียหาย แต่เป็นสิ่งที่ควรมีด้วยซ้ำ ลูกน้องไม่เคารพนาย นายอคติต่อลูกน้อง อยู่กันไม่ได้ !!
ขอบคุณที่มา http://www.posttoday.com/
|