ป้ายกำกับ

ขำขำ อิอิ น่ารู้ สาระ ละคร (สาระน่ารู้ค่ะ) ธรรมะ อืม 11 เคล็ดลับ..ลดความกดดันชีวิตคู่ ความรัก ซึ้ง สาว ๆ อย่างฮา เศร้า 70 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน(ใครรู้เกิน5ข้อแสดงว่าแน่นมาก) 8 ท่าลับเฉพาะ ใช้นวดเพื่อช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ 9 โรคร้ายออฟฟิศเกิร์ลพึงระวัง กลอน กินใจ ขำ ข้อคิดดีจาก จาก หลวงพี่เอี้ยงครับ คลายเครียด ความลับบนเตียงของ 12 ราศี คำทำนายนิสัยจากเบอร์มือถือ? คิดดี ๆ ก่อนที่จะรักใคร คุณอยากแต่งงานหรืออยากลองรัก? ชื่อหนัง ลองมาแปลให้ขำขันกันครับ ตำนานมาเฟีย ทายนิสัยจากวิธีแสดงออกกับคนรัก นิ้วไหนใส่แหวนแล้วโชคดี น่ารุ้ น่าอ่าน น่่ารู้ บอกต่อ บอกเล่า บักจ้อยจอมบื้อ บางครั้งบางเรื่องก็ไม่อาจอธิบายได้ ประกาศจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล ประโยคเด็ด ของ 15 คนดัง ผู้ชายชอบจีบผู้หญิง ที่ใช้มือถือของ AIS-DTAC มาดูกันว่าตรงมั้ย ทำนายนิสัยคนแต่ละเดือน มี 2 สามีภรรยาคู่หนึ่งพบปัญหาอันใหญ่หลวง รถยนต์กับสีที่ถูกโฉลก รายชื่อเพลงที่ต้องโดนแบน ราศีใด เหมาะกับ มือถือแบบไหน ลมหายใจกับคนพิเศษ (ซึ้ง) วิธีการเข้าหาพ่อและแม่ ของคนรัก สิ่งที่คิดต่างกัน ของ ชาย หญิง สุขภาพ สูตรสู่ความสำเร็จ หญิง หน้าแรก อย่าทำ เดี๋ยวเธอจะเผลอรักคุณ อิิอิ ฮาดี เรื่องขำ ๆ 3 เรื่อง เรื่องขำๆ เรื่องดีดี เรื่องที่ไม่ควรทำตอนอกหัก เรื่องน่าอ่าน เลี้ยงลูกชาย..ให้เป็นสุภาพบุรุษ เสพสมบ่มิสม..ฉบับหลุดโลก แจกแจก แผนสูง

เลี้ยงลูกชาย..ให้เป็นสุภาพบุรุษ

เด็กผู้ชายจำเป็นต้องรู้ว่า

ความรักความใคร่สำหรับผู้หญิง เป็นเรื่องของความโรแมนติก

แต่สำหรับผู้ชายแล้วคือเรื่องของอีโรติก


" สุภาพบุรุษ…ไม่อุดมคติไปหน่อยเหรอคู้ณ"

อ๊ะ…อ๊ะ อย่าทำเสียงน่าตกใจอย่างนั้น สุภาพบุรุษที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงชายกลางในบ้านทรายทอง หรือท่านชายพจน์ของปริศนาหรอกค่ะ ยุคนี้สมัยนี้ถ้าจะให้ผู้ชายมากุลีกุจอเปิดประตูรถให้อย่างในละครย้อนยุค เราเองละค่ะ ที่จะรู้สึกแปลกๆ ด้วยซ้ำ

" แหม… เปิดประตูแค่นี้ ฉันทำเองได้น่ะ" อะไรประมาณนั้น


ใช่ค่ะ ทุกวันนี้หมดสมัยแล้วที่จะคอยให้ผู้ชายมาเปิดประตูให้ แต่เราก็ยังต้องการเห็นผู้ชายสละที่นั่งบนรถประจำทางให้แก่เด็กสตรีมีครรภ์ และคนชรา หรือแม้กระทั่งตัวเองความเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้เป็นสิ่งที่สังคมคาดหวังจาก ผู้ชาย โดยเฉพาะเราเองก็คาดหวังจากผู้ชายใกล้ตัวอย่างสามีและลูกของเราเช่นกัน


สำหรับสามีขอละไว้ในฐานที่เข้าใจกันดี ว่าเขาได้ผ่านการคัดกรองจากเราไปเรียบร้อยแล้ว (ไม่งั้นก็คงไม่เลือกมาเป็นคู่ชีวิตแน่) แต่กับลูกชายที่จะต้องเติบโต ไปเป็นผู้ชายเต็มตัวและผู้นำครอบครัวในวันข้างหน้านี่สิคะ เป็นหน้าที่ของเรา (และสามี) แล้วล่ะ ที่จะต้องสร้างความเข้าใจและให้แบบอย่างความเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงแก่เขา ก่อนที่เขาจะก้าวไปมีบทบาทนอกบ้านมากขึ้น


พ.ญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ แห่งสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นบอกไว้ค่ะ ว่าแก่นแท้ของความเป็นสุภาพบุรุษนั้นอยู่ที่ ความรู้สึกภูมิใจในความเป็นมนุษย์ ภูมิใจในเพศของตัวเอง ซึ่งจะมีมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่า เขาได้สร้างคุณค่าให้แก่ตัวเองแค่ไหนด้วย


Michael Gurian นักบำบัดและนักการศึกษาได้เขียนถึงคุณสมบัติที่จะช่วยหล่อหลอมเด็กหนุ่ม ให้กลายเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริงไว้ในหนังสือ A fine young man ว่าประกอบด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น การรู้จักให้เกียรติทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น และการมีความรับผิดชอบ และที่สำคัญ เด็กๆ ควรจะต้องมีโอกาสในการฝึกฝนสิ่งเหล่านี้ด้วยค่ะ


เราลองมาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าจะช่วยกันสร้างสุภาพบุรุษขึ้นมาอีกสักคนได้อย่างไร

เรียนรู้ที่จะรักตัวเองและคนอื่น


การที่ลูกจะมีคุณสมบัติข้อนี้ได้ เขาต้องรู้จักที่จะรักตัวเองเป็นก่อนค่ะ ซึ่งนั่นก็มาจากความรักความอบอุ่นที่เรามีให้เขาด้วยการให้กำลังใจ มีทั้งชมและติบ้างตามสถานการณ์ (ด้วยเหตุและผล) ด้วยการไม่นำเขาไปเปรียบเทียบกับใคร และให้ความไว้วางใจตามสมควรแก่วัยของเขา เพื่อเขาจะได้รู้ว่าจะดูแลตัวเองอย่างไรไม่ให้เบียดเบียนทั้งตัวเองและคน อื่นๆ ให้เขารู้จักที่จะให้อภัยในความผิดพลาดของตัวเองและคนอื่นๆ และพยายามแก้ไข ไปจนกระทั่งรู้จักที่จะปลดปล่อยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมาบ้าง มีพ่อแม่หลายคนค่ะ ที่มักจะฝังแนวคิดที่ว่า "ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งต้องไม่ร้องไห้" ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ชายก็เหมือนผู้หญิง มีความรู้สึกเศร้าท้อแท้เสียใจได้เหมือนกัน การที่เขาได้ร้องไห้ออกมาบ้างจะช่วยให้เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดีขึ้น อ่อนโยนขึ้น ถ้าเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกเศร้าเสียใจ ไม่จำเป็นต้องเก็บกดความรู้สึกนั้นไว้แต่ขอให้รู้เท่าทันและดูแลความรู้สึก ตัวเองได้ เพื่อเขาจะสามารถดูแลความรู้สึกของคนอื่นได้ด้วย


เมื่อลูกเต็มอิ่มกับความรักที่ได้จากเราและตัวเขาเองแล้วเขาก็พร้อมที่ จะ ส่งต่อความรักนั้นให้แก่คนอื่นๆ ต่อไป และความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนอื่นก็จะตามมาเองค่ะ


เรียนรู้ที่จะให้เกียรติซึ่งกันและกัน


เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น บทบาทต่อเพศตรงข้ามจะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตช่วงนี้ ซึ่งเราควรให้คำแนะนำเขา ทั้งในเรื่องของการจัดการอารมณ์ ไม่ว่าอารมณ์ทางเพศหรือความรู้สึกรักที่เขามีต่อใครก็แล้วแต่ เด็กผู้ชายจำเป็นจะต้องรู้ว่าความรู้สึกนึกคิดของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตก ต่างกัน ความรักความใคร่สำหรับผู้หญิงแล้วนั้นเป็นเรื่องของความโรแมนติก แต่สำหรับผู้ชายแล้วคือเรื่องของอีโรติก คุณหมออัมพรกล่าวว่า


" ผู้ชายมีหน้าที่ให้เกียรติผู้หญิง รับรู้ว่าผู้หญิงไม่ได้คิดเหมือนตน แล้วก็ไม่นำการไม่รู้เท่าทันของผู้หญิงในเรื่องของเพศสัมพันธ์มาผูกมัด ผู้หญิง"


นอกเหนือไปจากนี้ก็คือ ลูกต้องการการให้เกียรติจากเราด้วยค่ะ ลูกวัยนี้ค่อนข้างจะเปราะบางมากกับการแสดงออกของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเขาต้องการบอกอะไรเรา กระตุ้นให้เขาพูดให้มากฟังเขาให้พอ เมื่อเขาพูดจนพอแล้ว เราถึงบอกความรู้สึกของเราออกไป…สิ่งที่เขาพูดเป็นสิ่งที่เรารับฟังเสมอ แต่ไม่ได้แปลว่า เรายอมรับหรือเห็นด้วยทั้งหมด


อย่าลืมว่า ลูกเรียนรู้ที่จะรักในเกียรติและศักดิ์ศรีของเขามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรานี่ละค่ะ ที่จะคอยชี้ทางว่า เขาจะเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ ยุติธรรม สุภาพอ่อนน้อม รู้จักหน้าที่และมีระเบียบวินัยในตัวเองพอที่จะได้รับเกียรตินี้จากคนอื่น หรือไม่


เรียนรู้ความรับผิดชอบ


ความรับผิดชอบของคนในแต่ละวัยจะแตกต่างกันไปค่ะ ผู้ใหญ่ก็แบบหนึ่ง เด็กก็แบบหนึ่ง การที่ใครสักคนจะมีความรับผิดชอบมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่า เขามีคุณสมบัติในสองข้อแรกมากน้อยแค่ไหนด้วย เช่น การที่ลูกชายจะสามารถรับผิดชอบห้องหับของเขาให้เรียบร้อยได้นั้น หนึ่งเขาต้องรู้แล้วว่า ถ้าเขาไม่ทำ วันหนึ่งแม่ก็ต้องเข้าไปเก็บให้เขา ทั้งที่แม่ก็เหนื่อยจากงานพออยู่แล้ว ความเห็นใจตรงนี้ทำให้เกิดความรับผิดชอบได้ส่วนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้น หากเรื่องนี้เป็นข้อตกลงร่วมกัน และเขาทำตามข้อตกลง เขาก็ย่อมได้รับเกียรติจากเราในฐานะที่เขาเป็นคนรักษาคำพูดและคนอื่นๆ ก็สามารถเชื่อถือคำพูดของเขาได้ เพราะเขาได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า เขามีความรับผิดชอบพอ เหล่านี้จะทำให้ลูกรู้สึกมีคุณค่าเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ




นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ให้ลองนำไปปรับใช้อธิบายกับลูกดูนะคะ


ต้องไม่ลืมด้วยว่า ความเป็นสุภาพบุรุษจะไม่สามารถสร้างขึ้นได้จากคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยู่บนพื้นฐานของสัมพันธภาพที่ดีของเรากับลูกมากกว่า เมื่อไรที่เรารู้สึกระหองระแหงไม่ลงรอยกับลูก นั่นล่ะที่จะทำให้เราไม่สามารถสร้างอะไรในตัวเขาได้เลย




แหล่งที่มา : life & family