ผลวิจัย..!! .. กาเฟอีนไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ ..
ว่าที่คุณแม่สามารถดื่มกาแฟได้โดยไม่มีผลกับทารกในครรภ์
โดยนักวิจัยระบุไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวทารก กับปริมาณกาเฟอีน
การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ว่า กาเฟอีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เพราะคั่งค้างอยู่ในกระแสโลหิตของว่าที่คุณแม่เป็นเวลานาน และสามารถถ่ายทอดไปยังทารกอย่างง่ายดาย
แพทย์เตือนว่าการบริโภคกาเฟอีนมากๆ อาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวทารก หรือโอกาสในการแท้ง ดังนั้น หญิงมีครรภ์จึงไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 4 แก้ว หรือ 6 แก้วสำหรับชา
ทว่า ผลศึกษาของมหาวิทยาลัยอาร์ฮัสในเดนมาร์ก ไม่ได้ฟันธงแบบนั้น นักวิจัยเปิดรับอาสาสมัครกว่า 1,000 คนที่ตั้งครรภ์ 20 เดือน และดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 3 แก้ว โดยแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมี 568 คนดื่มกาแแฟสำเร็จรูปธรรมดา และอีกกลุ่ม 629 คนดื่มกาแฟไม่มีคาเฟอีน
อาสาสมัครแต่ละคนจะถูกตรวจวัดปริมาณกาเฟอีนทุกวัน ซึ่งรวมถึงกาเฟอีนจากโคลา จากนั้น นักวิจัยติดตามผลจากน้ำหนักทารกทารก 1.153 คนหลังคลอด และระยะเวลาการอยู่ในครรภ์ โดยการทดลองนี้มีขึ้นระหว่างปี 1998-2002
ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุ ว่าไม่พบความแตกต่างระหว่างทารกที่เกิดจากมารดาสองกลุ่มทั้งในเรื่องของ น้ำหนักตัวทารกและระยะเวลาการอยู่ในครรภ์มารดา
นักวิจัยสรุปว่าการลดปริมาณกาเฟอีนลงพอประมาณในช่วงครึ่งหลังของการตั้ง ครรภ์ ไม่ส่งผลใดๆ ทั้งนี้ อาสาสมัครในการทดลองไม่รู้ว่าตัวเองดื่มกาแฟประเภทไหน และนักวิจัยยังพิจารณาปัจจัย อาทิ อายุ น้ำหนัก และการสูบบุหรี่ของมารดาประกอบด้วย
ซึ่งพบว่าทารกในกลุ่มอาสาสมัครที่ดื่มกาแฟไม่มีกาเฟอีนหนักกว่าทารกจากมารดา อีกกลุ่มแค่ 16 กรัม และระยะเวลาการตั้งครรภ์ห่างกันไม่เกินสองวัน
การศึกษาของเราไม่ได้บอกว่า “การดื่มกาแฟระหว่างตั้งครรภ์ปลอดภัย แต่เราพบว่า การมีกาเฟอีนในร่างกายในระดับปานกลางไม่ส่งผลอันใดต่อน้ำหนักตัวทารกหรือ ระยะเวลาการตั้งครรภ์” โบดิล แฮมเมอร์ เบ็ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยอาร์ฮัส สรุป งานวิจัยยังชี้ว่า ผู้หญิงที่สูบบุหรี่วันละมากกว่า 10 มวนระหว่างตั้งครรภ์จะให้กำเนิดทารกที่ตัวเล็กกว่าว่าที่คุณแม่ที่ไม่สูบ บุหรี่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์
แสงแดดช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า ภาวะกระดูกพรุนเกิดกับผู้หญิงสองในสาม หรือร้อยละ 64 ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทั่วโลก เนื่องจากได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ ประเทศที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร จะพบการขาดวิตามินมากกว่าประเทศที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร เมื่อมีโรคกระดูกพรุน ปัญหาต่อไปที่ตามมาคือ กระดูกหัก ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ เป็น นอกจากการส่งเสริมให้รับประทานแคลเซียมเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนแล้ว การได้รับวิตามินดีก็เป็นส่วนสำคัญ
ออกกำลังกายกลางแจ้ง คนส่วนใหญ่ได้รับวิตามินดีจากแสงแดด มากกว่าการรับประทานอาหาร แม้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตร้อนมีแสงแดดเกือบทั้งปี แต่คนไทยก็ยังขาดวิตามินดี เนื่องจากทุกคนพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด บวกกับนิยมใช้ครีมกันแดด กันมากขึ้น
ออกกำลังกายกลางแจ้ง ผมไม่ปฏิเสธว่าแสงแดดทำผิวหนังของเราเหี่ยวย่นและเสื่อมเร็วกว่าปกติ แต่การออกแดดเพียง 10-15 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอต่อการได้รับวิตามินดีแล้ว และถึงแม้ว่าผิวหนังเราจะต้องตากแดดเกิน 15 นาที ร่างกายของเราก็จะมีกลไกป้องกันตัวเองอยู่แล้ว โรคกระดูกพรุนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายมีต้นทุนกระดูกมากกว่า ผู้หญิง
เมื่อเทียบอายุของการขาดวิตามินดี ผู้หญิงจะพบโรคนี้ในอายุ 70 ปี ส่วนผู้ชายจะพบในอายุ 75 ปี ปัจจุบันเราพบโรคนี้ในคนวัย 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไป เช่น หันมาออกกำลังกายในร่มมากกว่ากลางแดด การจำกัดอาหาร และค่านิยมที่มองว่าผิวขาวดีกว่าคล้ำ อัตราเสี่ยงเหล่านี้ส่งผลให้อนาคตโรคกระดูกพรุนอาจเกิดขึ้นกับมนุษย์อายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
หากไม่ต้องการเป็นโรคกระดูกพรุน ควรหันมาออกกำลังกายกลางแจ้ง รับแสงแดดวันละ 10-15 นาที หรือหากไม่มีเวลาการรับประทานที่มีวิตามินดีก็ช่วยได้ เช่น น้ำมันตับปลา สัตว์ทะเลที่มีไขมันมาก ไข่ปลา ไข่ปูก็ช่วยได้ แต่อย่ารับประทานมากเกินไป เพราะอาหารเหล่านี้มีไขมันมาก วิตามินดีจะละลายในไขมัน แต่ถ้ารับประทานไขมันมากเกินความต้องการของร่างกายก็จะเป็นผลเสียได้
ขอขอบข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ล้างสารพิษให้ผมสวยด้วย เบียร์
"ทำให้ผมพองหนามีสุขภาพดี"
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอย่าง "เบียร์" ใช่ว่าจะใช้รับประทานให้เมาหัวราน้ำ ไม่มีสติ พูดเพ้อเจ้อ ได้เพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ในเรื่องของประโยชน์ด้านความงามก็มีเหมือนกัน เพราะว่าเบียร์ที่เราเห็นขายกันอยู่ทั่วนี่แหละคะ ที่สามารถช่วยทำให้ผมที่ลีบแบนของเรา ดูพองตัว หนา และมีสุขภาพผมที่ดีขึ้นด้วย
ส่วนวิธีการนั้น ก็ง่ายแสนง่าย โดยหลังจากที่คุณสระผมเสร็จแล้ว ก็เทเบียร์ลงบนเส้นผมพอหมาด ๆ ขยี้ให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และปล่อยให้ผมแห้งเองโดยธรรมชาติ
ลืมบอกไปอีกอย่าง นอกจากเบียร์จะช่วยให้ผมคุณดูหนา และนุ่มขึ้นแล้ว เบียร์ยังช่วยขจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมได้อีกด้วย เพียงอาทิตย์ละครั้ง ผมของคุณก็จะเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ เคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เองที่บ้าน แถมประหยัดเงินไปทำทรีทเมนต์ที่ร้านอีกต่างหาก
ที่มา teenee.com
ว่าที่คุณแม่สามารถดื่มกาแฟได้โดยไม่มีผลกับทารกในครรภ์
โดยนักวิจัยระบุไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักตัวทารก กับปริมาณกาเฟอีน
การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ว่า กาเฟอีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เพราะคั่งค้างอยู่ในกระแสโลหิตของว่าที่คุณแม่เป็นเวลานาน และสามารถถ่ายทอดไปยังทารกอย่างง่ายดาย
แพทย์เตือนว่าการบริโภคกาเฟอีนมากๆ อาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวทารก หรือโอกาสในการแท้ง ดังนั้น หญิงมีครรภ์จึงไม่ควรดื่มกาแฟเกินวันละ 4 แก้ว หรือ 6 แก้วสำหรับชา
ทว่า ผลศึกษาของมหาวิทยาลัยอาร์ฮัสในเดนมาร์ก ไม่ได้ฟันธงแบบนั้น นักวิจัยเปิดรับอาสาสมัครกว่า 1,000 คนที่ตั้งครรภ์ 20 เดือน และดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 3 แก้ว โดยแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกมี 568 คนดื่มกาแแฟสำเร็จรูปธรรมดา และอีกกลุ่ม 629 คนดื่มกาแฟไม่มีคาเฟอีน
อาสาสมัครแต่ละคนจะถูกตรวจวัดปริมาณกาเฟอีนทุกวัน ซึ่งรวมถึงกาเฟอีนจากโคลา จากนั้น นักวิจัยติดตามผลจากน้ำหนักทารกทารก 1.153 คนหลังคลอด และระยะเวลาการอยู่ในครรภ์ โดยการทดลองนี้มีขึ้นระหว่างปี 1998-2002
ผลศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์อังกฤษเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุ ว่าไม่พบความแตกต่างระหว่างทารกที่เกิดจากมารดาสองกลุ่มทั้งในเรื่องของ น้ำหนักตัวทารกและระยะเวลาการอยู่ในครรภ์มารดา
นักวิจัยสรุปว่าการลดปริมาณกาเฟอีนลงพอประมาณในช่วงครึ่งหลังของการตั้ง ครรภ์ ไม่ส่งผลใดๆ ทั้งนี้ อาสาสมัครในการทดลองไม่รู้ว่าตัวเองดื่มกาแฟประเภทไหน และนักวิจัยยังพิจารณาปัจจัย อาทิ อายุ น้ำหนัก และการสูบบุหรี่ของมารดาประกอบด้วย
ซึ่งพบว่าทารกในกลุ่มอาสาสมัครที่ดื่มกาแฟไม่มีกาเฟอีนหนักกว่าทารกจากมารดา อีกกลุ่มแค่ 16 กรัม และระยะเวลาการตั้งครรภ์ห่างกันไม่เกินสองวัน
การศึกษาของเราไม่ได้บอกว่า “การดื่มกาแฟระหว่างตั้งครรภ์ปลอดภัย แต่เราพบว่า การมีกาเฟอีนในร่างกายในระดับปานกลางไม่ส่งผลอันใดต่อน้ำหนักตัวทารกหรือ ระยะเวลาการตั้งครรภ์” โบดิล แฮมเมอร์ เบ็ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยอาร์ฮัส สรุป งานวิจัยยังชี้ว่า ผู้หญิงที่สูบบุหรี่วันละมากกว่า 10 มวนระหว่างตั้งครรภ์จะให้กำเนิดทารกที่ตัวเล็กกว่าว่าที่คุณแม่ที่ไม่สูบ บุหรี่
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์
แสงแดดช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน
จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า ภาวะกระดูกพรุนเกิดกับผู้หญิงสองในสาม หรือร้อยละ 64 ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทั่วโลก เนื่องจากได้รับวิตามินดีไม่เพียงพอ ประเทศที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร จะพบการขาดวิตามินมากกว่าประเทศที่อยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตร เมื่อมีโรคกระดูกพรุน ปัญหาต่อไปที่ตามมาคือ กระดูกหัก ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ เป็น นอกจากการส่งเสริมให้รับประทานแคลเซียมเพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุนแล้ว การได้รับวิตามินดีก็เป็นส่วนสำคัญ
ออกกำลังกายกลางแจ้ง คนส่วนใหญ่ได้รับวิตามินดีจากแสงแดด มากกว่าการรับประทานอาหาร แม้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตร้อนมีแสงแดดเกือบทั้งปี แต่คนไทยก็ยังขาดวิตามินดี เนื่องจากทุกคนพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด บวกกับนิยมใช้ครีมกันแดด กันมากขึ้น
ออกกำลังกายกลางแจ้ง ผมไม่ปฏิเสธว่าแสงแดดทำผิวหนังของเราเหี่ยวย่นและเสื่อมเร็วกว่าปกติ แต่การออกแดดเพียง 10-15 นาทีต่อวัน ก็เพียงพอต่อการได้รับวิตามินดีแล้ว และถึงแม้ว่าผิวหนังเราจะต้องตากแดดเกิน 15 นาที ร่างกายของเราก็จะมีกลไกป้องกันตัวเองอยู่แล้ว โรคกระดูกพรุนจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายมีต้นทุนกระดูกมากกว่า ผู้หญิง
เมื่อเทียบอายุของการขาดวิตามินดี ผู้หญิงจะพบโรคนี้ในอายุ 70 ปี ส่วนผู้ชายจะพบในอายุ 75 ปี ปัจจุบันเราพบโรคนี้ในคนวัย 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเมืองเปลี่ยนไป เช่น หันมาออกกำลังกายในร่มมากกว่ากลางแดด การจำกัดอาหาร และค่านิยมที่มองว่าผิวขาวดีกว่าคล้ำ อัตราเสี่ยงเหล่านี้ส่งผลให้อนาคตโรคกระดูกพรุนอาจเกิดขึ้นกับมนุษย์อายุ ตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
หากไม่ต้องการเป็นโรคกระดูกพรุน ควรหันมาออกกำลังกายกลางแจ้ง รับแสงแดดวันละ 10-15 นาที หรือหากไม่มีเวลาการรับประทานที่มีวิตามินดีก็ช่วยได้ เช่น น้ำมันตับปลา สัตว์ทะเลที่มีไขมันมาก ไข่ปลา ไข่ปูก็ช่วยได้ แต่อย่ารับประทานมากเกินไป เพราะอาหารเหล่านี้มีไขมันมาก วิตามินดีจะละลายในไขมัน แต่ถ้ารับประทานไขมันมากเกินความต้องการของร่างกายก็จะเป็นผลเสียได้
ขอขอบข้อมูลที่มีคุณภาพ
จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ล้างสารพิษให้ผมสวยด้วย เบียร์
"ทำให้ผมพองหนามีสุขภาพดี"
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมอย่าง "เบียร์" ใช่ว่าจะใช้รับประทานให้เมาหัวราน้ำ ไม่มีสติ พูดเพ้อเจ้อ ได้เพียงอย่างเดียวนะคะ แต่ในเรื่องของประโยชน์ด้านความงามก็มีเหมือนกัน เพราะว่าเบียร์ที่เราเห็นขายกันอยู่ทั่วนี่แหละคะ ที่สามารถช่วยทำให้ผมที่ลีบแบนของเรา ดูพองตัว หนา และมีสุขภาพผมที่ดีขึ้นด้วย
ส่วนวิธีการนั้น ก็ง่ายแสนง่าย โดยหลังจากที่คุณสระผมเสร็จแล้ว ก็เทเบียร์ลงบนเส้นผมพอหมาด ๆ ขยี้ให้ทั่วศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และปล่อยให้ผมแห้งเองโดยธรรมชาติ
ลืมบอกไปอีกอย่าง นอกจากเบียร์จะช่วยให้ผมคุณดูหนา และนุ่มขึ้นแล้ว เบียร์ยังช่วยขจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมได้อีกด้วย เพียงอาทิตย์ละครั้ง ผมของคุณก็จะเริ่มมีสุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ เคล็ดลับง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เองที่บ้าน แถมประหยัดเงินไปทำทรีทเมนต์ที่ร้านอีกต่างหาก
ที่มา teenee.com